fbpx

การแปลงเพศ จากชายให้การเป็นหญิง

การแปลงเพศ

การ ผ่าตัดแปลงเพศ เปลี่ยนจากชายให้กลายเป็นหญิง สามารถทำได้จริงหรือไม่ ? เมื่อทำการ ผ่าตัดแปลงเพศ แล้ว เหมือนผู้หญิงจริงๆหรือไม่? ไขข้อข้องใจปัญหาเหล่านี้ โดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านการศัลกรรม ผ่าตัดแปลงเพศ สำหรับขั้นตอนวิธี ผ่าตัดแปลงเพศ เป็นอย่างไร และการเตรียมพร้อมสภาพร่างกาย และจิตใจก่อน ผ่าตัดแปลงเพศ

แรกเริ่มเดิมทีการ ผ่าตัดแปลงเพศ คือ การแก้ปัญหาโรคทางจิตใจ ในผู้ที่มีร่างกายเป็นชายแต่จิตใจเป็นหญิง เมื่อย้อนไปในอดีตวิธีการ ผ่าตัดเพื่อแปลงเพศ นั้น เป็นหนึ่งในวิธีการรักษา สำหรับผู้ที่มีจิตใจไม่ตรงกับเพศสภาพ ซึ่งสมัยนั้นมีการโฟกัสหลักไปที่การเลี้ยงดูสังคม เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ รวมถึงการยารักษา แต่โอกาสของการรักษาด้วยยานั้นเป็นเรื่องยาก เมื่อไม่สามารถปรับจิตใจให้เป็นเหมือนร่างกายได้ ก็ใช้วิธีปรับร่างกายให้เหมือนจิตใจแทน จึงได้มีการใช้วิธีการผ่าตัดเข้ามาช่วยในเรื่องนี้

 

คุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ารับการ ผ่าตัดแปลงเพศ

• ต้องมีอายุ 20 ปี ในกรณีที่ไม่ถึงต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง

• ได้รับฮอร์โมนหญิงมาอย่างต่อเนื่องประมาณ 1 ปี

• ผ่านการประเมินสภาพจิตใจและมีใบรับรองจากจิตแพทย์ว่าจิตอยู่ในภาวะปกติ

• สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์

 

การเตรียมตัวก่อนการ ผ่าตัดแปลงเพศ

ผู้ที่สนใจจะทำการ ผ่าตัดแปลงเพศ จากชายเป็นหญิงจึงต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของ HBIGDA (the Harry Benjamin International Gender Dysphoria Association, Inc.) ตามมาตรฐานสากลก่อนเข้ารับการ ผ่าตัดแปลงเพศ ได้แก่

1. ผู้ที่จะทำการ ผ่าตัดแปลงเพศ จากชายเป็นหญิงต้องมีจดหมายรับรองจากนักบำบัดจิต หรือจิตแพทย์ หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางต่อมไร้ท่อ หรือแพทย์ทั่วไป

2. งดรับประทานหรือฉีดฮอร์โมนก่อนผ่าตัด 2 หรือ 4 อาทิตย์ตามลำดับ เพื่อลดโอกาสเส้นเลือดดำอุดตัน อย่างไรก็ตามการงดฮอร์โมนนี้จะต้องอยู่ภายใต้การวินิจฉัยของแพทย์อย่างเคร่งครัด

3. ตรวจร่างกายโดยละเอียด 3 อาทิตย์ก่อนเข้ารับการ ผ่าตัดแปลงเพศ โดยคนไข้จะต้องผ่านการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ ตรวจเม็ดเลือด HIV เกลือแร่ น้ำตาล การทำงานของตับและไต ตรวจปัสสาวะ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ เป็นต้น

ขั้นตอนการแปลงเพศ

ขั้นตอนการ ผ่าตัดแปลงเพศ จากชายเป็นหญิง

• การสร้างช่องคลอดเทียม แพทย์จะตัดต่อท่อปัสสาวะที่ยาวให้สั้นลง ให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง และสามารถนั่งปัสสาวะได้ จากนั้นทำการเปิดช่องเพื่อสร้างช่องคลอดเทียม โดยผ่าตัดเปิดผิวหนังให้เป็นช่องที่กว้างและลึกพอสมควร จากนั้นทำการดึงผิวหนังจากบริเวณอวัยวะเพศชายไปกั้นเป็นผนังช่องคลอด และตัดแกนองคชาตออก โดยความลึกของช่องคลอดจะขึ้นอยู่กับความยาวของอวัยวะเพศชายเดิมด้วยเช่นกัน

• ตกแต่งรูปร่างแคมนอกและแคมใน ให้เหมือนของอวัยวะเพศหญิงมากที่สุด

• ตกแต่งประสาทรับความรู้สึก โดยแพทย์จะเก็บเส้นเลือดและเส้นประสาทรับรู้ไว้ และสร้างเป็นปุ่มคลิตอริส (Clitoris) ที่เพิ่มจุดสัมผัสรับรู้ทางเพศ

 

การดูแลตัวเองหลัง ผ่าตัดแปลงเพศ

1.งดอาหารที่กระตุ้นการขับถ่ายทุกชนิด เช่น อาหารที่มีกากใยสูง นมเปี้ยว น้ำผลไม้ โยเกิรต์ เป็นต้น

2.ช่วง 1-2 วันแรกให้นอนหงาย และยกสะโพกสูง แยกขาทั้ง 2 ข้างออกจากกัน จะช่วยบรรเทาอาการบวม

3.หลังจากนั้น 3 วันสามารถนอนตะแคงได้

4.วันที่ 4 แพทย์จะทำการถอดสายที่ไปทำหน้าที่ระบายเลือดที่เสียออก และทำการเปิดบาดแผล ทำความสะอาด และนำสายปัสสาวะออก แต่ถ้าคนที่ใช้ลำไส้ใหญ่ในการทำจะต้องใส่สายปัสสาวะไปทั้งหมด 6 วัน

5.สำหรับผู้ที่ผ่าตัดแบบนำลำไส้ใหญ่มาทำผนังช่องคลอด จำเป็นจะต้องงดน้ำงดอาหารจนกว่าจะมีการผายลมออกมาจึงจะสามารถรับประทานได้

6.สำหรับผู้ที่ผ่าตัดโดยการสร้างผนังช่องคลอดจากผิวหนังองคชาตและถุงอัณฑะ ทำการเปิดบาดแผลและทำความสะอาด นำผ้าก๊อตออก

7.สำหรับผู้ที่ผ่าตัดโดยการสร้างผนังช่องคลอดจากผิวหนังองคชาตและถุงอัณฑะ นำสายสวนปัสสาวะออก กลับบ้านได้

8.แพทย์จะนัดเวลากลับมาพบแพทย์ตามนัดเพื่อทำการตัดไหมแล้วแพทย์จะใช้ Dilator ขยายช่องคลอดเพื่อคงในส่วนของความกว้างและความลึกไว้ ควรหมั่นขยายวันละ 2 ครั้ง อย่างน้อยๆ 30 นาที

9.ต้องหมั่นทำความสะอาดแผล

10.งดการมีเพศสัมพันธ์ 2 เดือน

11.แพทย์จะนัดพบทุกๆ 1 สัปดาห์หลังจากการผ่าตัดเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อตรวจดูอาการต่างๆ เพื่อที่จะได้สวยงาม เป็นธรรมชาติที่สุด

12.หากเกิดความผิดปกติใดๆ ขึ้น แนะนำให้มาพบแพทย์

13.การรับประทานฮอร์โมน เพื่อคงสภาพความเป็นหญิง ให้เริ่มทานหลังการผ่าตัด 1 เดือน

ในบางเคสอาจมีคนไข้หลายคนที่รู้สึกก้ำกึ่งกับความรู้สึก ไม่ได้เป็นการข้ามเพศไปอย่างชัดเจน จึงต้องมีการปรึกษาแพทย์ก่อนทำการ ผ่าตัดแปลงเพศ แพทย์ แพทย์จะมีการทำหัตถการบางอย่างเพื่อให้ได้ทดลองใช้ชีวิต หากไม่มีความสุขในการเปลี่ยนเพศ วีธีนี้สามารถทำให้กลับมาใช้ชีวิตยังจุดเริ่มต้น ตามเพศสภาพที่เกิดมาได้
สาเหตุที่ต้องทำการทดลองใช้ชีวิตในเพศที่คนไข้กำลังจะเปลี่ยนเป็นนั้น เนื่องมาจากการศัลกรรม ผ่าตัดแปลงเพศ ไปแล้ว นั่นหมายความว่า จะกลับมาเป็นแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว