• Nitipon clinic
• Lagrace clinic
• Romrawin clinic
• Pornkasem clinic
• Apex clinic
• Masterpiece Hospital
• The klinique
• Roselin wellness center
• SLC clinic
• Dimension clinic

ทำไม HIFU ถึงยกหน้าได้

เชื่อว่าสาวๆ หนุ่มๆที่ไม่อยากมีใบหน้าหย่อนคล้อย น่าจะรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อการทำไฮฟู่ HIFU มาไม่มากก็น้อยกันบ้างแล้ว เพราะว่าจัดเป็นเทคโนโลยีการยกกระชับใบหน้าที่ได้รับความนิยมมากวิธีหนึ่ง ด้วยการส่งพลังงานลงสู่ใต้ผิวแบบคลื่นอัลตราซาวด์ ทำให้สบายใจได้ว่าการเกิดอันตรายนั้นน้อยมาก อีกทั้งยังไม่เจ็บ และยังได้ผลในเรื่องของการยกกระชับใบหน้า และสลายไขมันใต้ชั้นผิวไปพร้อมๆกัน เรียกว่าทำไฮฟู่ทั้งทีได้ผลทั้ง 2 อย่างเลยทีเดียว ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมไฮฟู่ถึงช่วยยกกระชับใบหน้าเราได้นั้น ก็เพราะว่า คลื่นอัลตราซาวด์ที่ลงไปใต้ผิวนั้น จะไปสะสมพลังงานที่ชั้นกล้ามเนื้อ SMAS ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดตัว แล้วยกใบหน้าขึ้น ซึ่งชั้นนี้เองเป็นชั้นที่เวลาผ่าตัดดึงหน้าจะมีการตัดเย็บเพื่อดึงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

หลังทำ HIFU เมื่อไหร่เห็นผล / ต้องทำซ้ำเมื่อไหร่

การทำไฮฟู่จะเห็นผลหลังทำทันที ประมาณ 5-10% เลย แต่ว่าทั้งนี้ก็ยังขึ้นกับความหย่อนคล้อยเดิมของแต่ละบุคคลด้วย และ ชั้นไขมันสะสมใต้ผิวหน้า ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อผลลัพธ์ของการทำไฮฟู่ เพราะว่าถ้าใครชั้นไขมันบางๆ หน้าก็จะยกได้เยอะกว่า คนที่มีชั้นไขมันหนาใต้ผิว ซึ่งผลลัพธ์ของการทำไฮฟู่จะเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลา ผ่านไป 2-4 สัปดาห์ ดังนั้นสำหรับใครที่ต้องการทำไฮฟู่ซ้ำ ก็สามารถทำซ้ำได้ หลัง 1 เดือนไป โดยทั่วไปถ้าใบหน้ามีความหย่อนคล้อยมาก ควรทำซ้ำที่ 1 เดือนและ 3 เดือน แต่หากใบหน้าไม่ค่อยหย่อนคล้อย สามารถทำไฮฟู่ซ้ำที่ 3 เดือนและ 6 เดือนก็เพียงพอ

ข้อปฏิบัติก่อน-หลัง การทำ HIFU

ก่อนการทำไฮฟู่

ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลย

หลังการทำไฮฟู่

ทำเสร็จแล้วไปทำงานหรือธุระต่อได้ทันที ไม่มีแผล ไม่ต้องพักหน้า
สามารถทาครีมบำรุงผิวหน้าได้ตามปกติ ยิ่งท่านที่มีใบหน้าแห้ง
ทานวิตามินที่เสริมคอลลาเจนจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นแบบสองเท่า
หากเลี่ยงบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ได้ก็จะดี เพราะเป็นการทำลายการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นใต้ผิวหนัง

เปรียบเทียบการทำไฮฟู่ กับการยกกระชับใบหน้าด้วยวิธีอื่นๆ
ข้อได้เปรียบ สำหรับการทำไฮฟู่ที่เหนือกว่าการยกกระชับใบหน้าด้วยวิธีอื่นๆเลยก็คือ เจ็บน้อยกว่า หรือบางคนแทบไม่มีความรู้สึกเจ็บเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากพลังงานที่ปล่อยออกมาเป็นรูปแบบของคลื่นอัลตราซาวด์ ทำให้ไม่เจ็บ และไม่มีระยะพักฟื้นที่ต้องรอนาน เรียกได้ว่าหลังทำเสร็จ เข้าสู่สังคมได้แบบไม่มีใครรู้ว่าทำไรมากันเลยทีเดียว แต่สำหรับคนที่จัดฟัน อาจจะมีอาการเสียวฟัน ช่วงบริเวณกราม ขากรรไกรหรือโหนกแก้มได้เล็กน้อย ข้อดีของการทำไฮฟู่อีกประการหนึ่งเลยก็คือ ค่าใช้จ่ายถูกกว่าการยกกระชับใบหน้าด้วยวิธีอื่นๆแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด หรือ ฉีดฟิลเลอร์ ร้อยไหม ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการทำไฮฟู่ ดังนั้น ถ้าเปรียบเทียบกันในกลุ่มยกกระชับใบหน้าราคาไม่แรงแล้วหล่ะก็ การทำไฮฟู่ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากๆเลยทีเดียว

การทำไฮฟู่เหมือนกับอัลเทอร่า หรือไม่
HIFU และ Ulthera เป็นรูปแบบคลื่นพลังงานที่ปล่อยออกมาแบบเดียวกัน คือเป็นคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ แต่ระบบปฏิบัติการ หรือซอฟแวร์ของอัลเทอร่าจะมีความซับซ้อนกว่า เนื่องจากจะสามารถสแกนดูผิวชั้นต่างๆของใบหน้าเราได้แบบ real-time กันเลย ทำให้อัลเทอร่านั้นมีความแม่นยำในเรื่องของการทำการยกกระชับที่มากกว่าการทำไฮฟู่ แต่แน่นอนว่าระบบปฏิบัติการที่มาดีกว่า ก็ย่อมแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่อาจจะสูงขึ้น เมื่อเทียบต่อจำนวนช็อตที่สาวๆจะได้รับเช่นเดียวกัน

HIFU ยกหน้า ต่างจาก HIFU ทำที่ตัว อย่างไร
สำหรับการทำไฮฟู่ที่บริเวณ ใบหน้า และตัวนั้นเป็นคลื่นพลังงานเสียงอัลตราซาวด์เช่นเดียวกัน แต่แตกต่างกันที่ระดับความลึก ที่หัวสำหรับการใช้ยิง จุดต่างๆที่พลังงานจะลงไปนั้น จะลึกไม่เท่ากัน เช่น การทำไฮฟู่เพื่อยกกรับใบหน้านั้น ความลึกของการปล่อยพลังงาน จะอยู่ที่ช่วง 3.0 mm – 4.5 mm แต่ถ้าเป็นการลงระดับพลังงานที่ตัวนั้นจะมีตั้งแต่ 7 mm, 13 mm เป็นต้น เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานตำแหน่งต่างๆ สาวๆทั้งหลายก็ควรปรึกษาอีกครั้งกับแพทย์ก่อนทำการรักษา